วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ธรรมวิธี กำจัดไข้เลือดออก

ธรรมวิธี .... กำจัดไข้เลือดออก
บทธรรม....พระชลันธร กิตฺติปญฺโญ
สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม(ถ้ำชี)

เจริญพรท่านสาธุชนทั้งหลาย บัดนี้อาตมาภาพจะได้แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฤดูฝนพระก็จะเข้าพรรษา ส่วนมากโยมทั้งหลายก็จะอยู่วัดเป็นบางส่วนมาปฏิบัติธรรมถือศีลภาวนา บางครอบครัวก็จะมาเฉพาะวันพระ มาใส่บาตรมาทำบุญวันพระ การที่เรามาทำบุญนั้นเป็นเรื่องดี การสั่งสมซึ่งบุญทำให้เกิดสุข
สุโข ปุญฺญสฺ อุจฺจโย (สุโข ปุญญัส สะอุจจะโย) การสั่งสมซึ่งบุญทำให้เกิดสุข โรคที่จะมาในหน้าฝนทุก ๆ ปีนี้ก็จะเกี่ยวกับไข้เลือดออก หนึ่งในหลาย ๆ โรคที่ทุกคนอาจเป็นได้ ไข้เลือดออกนี้เกิดมาจากยุงลาย ยุงลายนี้แหล่งกำเนิดก็จะมาจากน้ำขังตามที่ต่าง ๆ พอมากัดเราเราก็จะเป็นโรคไข้เลือดออก การที่เราจะเป็นไข้เลือดออกนั้นก็จะเป็นไข้ มีจุดเลือดออกตามตัว ถึงบทสุดท้ายร้ายแรงเราอาจถึงขั้นตาย
วิธีป้องกันแก้ไขก็คือดังที่มีพระบาลีว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณ (เยธัมมา เหตุป ปะภะวา เตสัง เหตุงตถาคโต เตสันจะโยนิโรโธจะ เอวังวาที มหาสะมะโน) ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และตรัสซึ่งความดับด้วย
เหตุที่ทำให้เกิดยุงลายก็คือน้ำขัง น้ำขังเพราะอะไร เพราะตั้งภาชนะทิ้งไว้ กระถางบ้าง แจกันบ้าง ยางรถยนต์บ้าง แอ่งน้ำต่าง ๆ บ้าง วิธีแก้ไขเราก็คือต้องดับที่เหตุ ปลายเหตุก็คือโรคต้นเหตุก็คือยุงเกิดขึ้นมา แต่เราไม่ได้ไปฆ่ายุงให้ยุงตาย แต่เราพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาก ให้มันเกิดไปตามปกติของมัน ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็อาจจะเอาเกลือใส่ไปในภาชนะบ้าง เอาแฟ้บใส่ไปบ้าง เอาน้ำส้มสายชูใส่ไปบ้าง การใส่ไปในภาชนะนี้ไม่ใช่ว่าเราใส่ตอนที่มันเกิดเป็นตัวแล้วเราก็ไปใส่ อันนั้นก็เป็นการทำปาณาติบาต เราฆ่ายุงแต่เราก็เป็นปาบ วิธีแก้ไขที่ดีก็คือเราป้องกันเสียก่อน
ยาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา เราก็ป้องกันโดยการที่ว่า ถ้าเราเอาน้ำใส่หล่อภาชนะใส่ขาตู้กับข้าว เราก็เอาแฟ้ปใส่ไปเสียก่อนก่อนที่ยุงจะมาไข่ เอาเกลือใส่ไปก่อนที่ยุงจะมาไข่ ทำเสียก่อนที่ยุงจะมาไข่ ดับก็ดับที่เหตุไม่ใส่ดับที่ปลายเหตุ การฆ่าเป็นกรรมที่ไม่มีสิ้นสุดผู้ฆ่าแล้วต้องโดนฆ่าตอบ ฉนั้นแล้วเราก็ไม่ควรไปฆ่ายุงเป็นไปได้ก็แก้ที่ต้นเหตุ วงจรชีวิตของมันนั้นอายุไม่มาก 9 ถึง 14 วัน มันก็ตายแล้วแต่ว่าเราต้องไปตายในนรกอีกหลายชาติ ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด เกิดในนรกมันไม่คุ้มกัน พยายามใช้ชีวิตอยู่ให้เป็นอยู่ดีอยู่ชอบ เป็นไปได้ก็อย่าไปฆ่า ผู้ฆ่าต้องโดนฆ่าตอบ หากทุกคนเลือกเกิดได้ทุกคนก็อยากเกิดตามใจสมปรารถนา ถ้าเราคิดผิดตั้งจิตผิดเราก็จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตในนรก เป็นอสุรกายอยู่ในอบายภูมิทั้งสี่ ฉนั้นแล้วเราไม่ควรจะฆ่าสัตว์ ยาดีคือยาป้องกันป้องกันก่อนที่ยุงจะเกิด
ถ้ายุงไม่เกิดก็ไม่มีโรคโรคก็น้อย โรคน้อยเพื่อนบ้านเราก็ไม่เป็นคนในครอบครัวเราก็ไม่เป็น สังคมเราก็ไม่เป็นโรคระบาด เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วยุงก็จะไปกัดคนนั้น กัดเสร็จยุงก็จะมาแพร่เชื้ออีก และแล้วเป็นไปได้ก็พยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นมา แต่เราไม่ใช่ฆ่า เราจะไปป้องกัน ป้องกันแก้ไข ถ้าคนในครอบครัวเราโดนยุงกัด คนในบ้านเราโดนยุงกัด คนในโรงเรียนเราโดนยุงกัด คนที่ทำงานเราโดนยุงกัด คนในชุมชนเราโดนยุงกัด แล้วถ้าเกิดเป็นไข้เลือดออกระบาดถ้าเป็นคนอื่น เราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเป็นพี่น้องเราหรือคนในครอบครัวเรา เป็นลูกเราเป็นพ่อเราเป็นแม่เรา แล้วเราจะคิดยังไง ฉนั้นแล้วไม่ควรไปฆ่ายุง แต่ควรไปป้องกันไม่ให้ยุงได้เกิดขึ้นมา ไม่ได้ไปทำหมันมัน
แต่เราป้องกันในบ้านเรา เริ่มที่ตัวเราก่อน เริ่มที่บ้านเราก่อนสร้างอุปนิสัยที่ดีให้กับตัวเรา พยายามอย่าใส่น้ำทิ้งไว้ในกระถางในแจกัน แจกันไหว้พระ ถ้าดอกไม้มันเฉาแล้วดอกบัวเฉาแล้ว มันมีกลิ่นแล้วก็ควรจะทิ้งได้แล้ว ไม่ใช่รอจนดอกไม้เหี่ยวแห้ง จำได้ไหม...โยมนางอมิตดาที่ได้ชูชกเนี่ยเพราะเคยถวายดอกไม้เหี่ยว ฉนั้นแล้วเนี่ยถ้าใครอยากได้คู่ชีวิตเป็นคนเก่า ๆ เหี่ยว ๆ แก่ ๆ เหมือนชูชกก็ถวายดอกไม้เหี่ยว ใครอยากได้คู่ชีวิตที่ว่าสดใส ดูสดใส ดูมีวรรณะงานผิวพรรณงามถวายดอกไม้สด ๆ ก็จะได้บุญแต่ถวายดอกไม้แล้วก็ต้องหมั่นถ่ายน้ำเปลี่ยนน้ำด้วย ยิ่งดอกบัวถ้าใส่แจกันไว้ไม่กี่วันมันก็มีกลิ่นแล้ว ดอกบัวเกิดจากตมแต่ไม่แปดเปื้อนด้วยตม เหมือนเราเราเกิดมาจากชาติตระกูล เราไม่ใช่คนร่ำคนรวย แต่เราก็สามารถพัฒนาตัวเราขึ้นมาได้ให้เป็นคนดี ให้เป็นที่ยอมรับในสังคม เป็นคนที่ช่วยเหลือสังคม เป็นคนดีต่อสังคม เป็นที่พึ่งให้คนในสังคม เราต้องพัฒนาตัวขึ้นมา ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ (อัตตาหิ อัตตโนนาโถ) ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
โก หิ นาโถ ปโร สิยา (โก หิ นาโถ ปะโร สิยา) คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
พึ่งตนพึ่งธรรมพึ่งกรรมของตน เราต้องพึ่งตัวเองก่อน ดูซิว่าบ้านช่องเรายุงเยอะมั๊ย ถ้ายุงเยอะเราก็ตัดกิ่งไม้ กิ่งไหนที่ว่ามันอยู่ต่ำ ๆ ก็ตัดให้โปร่งโปร่ง ที่ไหนที่มืดยุงมันก็มา แต่ถ้าที่ไหนโปร่ง ๆ สว่าง ๆ ยุงมันก็ไม่มา อย่างน้อย ๆ เราก็ป้องกันตัวได้แล้วในระดับหนึ่ง วันนี้เราอาจยังไม่เห็นค่าหรอกว่ามันช่วยได้แค่ไหน แต่ถ้าสักวันใดวันหนึ่งตัวเราเป็นไข้เลือดออก ญาติพี่น้องเราเป็นไข้เลือดออก เราจะนึกว่า โอ้!....ถ้าเราทำแต่แรกเราก็ไม่ต้องเป็นแล้ว ย้ำว่ายาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา ถ้าบ้านเราไม่มียุง อากาศปลอดโปร่ง แสงสว่างทั่วถึงยุงก็ไม่ลุกลามไปบ้านอื่น ยุงเนี่ยเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์มาแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคไดโนเสาร์ครั้นจะฆ่าให้มันหมดสิ้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าตายมันก็ตายมาตั้งแต่ก่อนโน้นแล้ว นี่เราเพิ่งเกิดมายังถึง 100 ปี จะกำจัดให้หมดมันเป็นไปได้ยาก แต่ที่กำจัดให้หมดได้คือกิเลสในตัวเรา กำจัดโลภะ โทสะ โมหะ ที่มีอยู่ในตัวเรา ไม่ให้โลภไม่ให้โกรธไม่ให้หลงไม่ให้เบียดเบียน พยายามรักษาตัวเราไว้
ธมฺ ม จารี สุขํ เสติ (ธัมมะ จารี สุขัง เสติ) ผู้ประพฤติธรรมะย่อมอยู่เป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า หมั่นประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรมให้ทานถือศีลภาวนา บุญที่เกิดจากการทำทานก็คืออย่างหนึ่ง บุญที่ไม่เสียเงินก็คือบุญอีกอย่างหนึ่ง คือการถือศีล สวดมนต์ไหว้พระ บุญไม่ต้องเสียเงินเราไม่ต้องไปฆ่าสัตว์ ถือศีลห้า
ปาณาติปาตาเวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ เราไม่เบียดเบียนสัตว์เราไม่ฆ่าสัตว์ บางคนไปซื้อไม้ตียุง ไปซื้อไม้เหมือนไม้เทนนิสแล้วก็ฟาดยุง บางที่ก็เผลอโดนตัวเองเข้าขนาดตัวเองยังสะดุ้งเลยแล้วยุงมันตาย การฆ่าเป็นกรรมที่ไม่มีการเลิกลา การฆ่าประกอบด้วยองค์ห้า คือหนึ่งสัตว์มีชีวิต สองรู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต สามคิดจะฆ่า สี่พยายามฆ่า ห้าสัตว์นั้นตายด้วยความเพียร กรรมเหล่านี้ถ้าครบองค์ห้าแล้วเจตนาสำคัญมาก เจตนามากผลกรรมก็มาก อยู่ที่เจตนา
เจตนา หํ ภิกฺขเว สีลํ วทามิ (เจตะนา หัง ภิกขะเว สีลัง วะทามิ)
เจตนาเป็นตัวกำหนดศีล
เจตนา หํ ภิกฺขเว กมมํ วทามิ (เจตะนา หังภิกขะเว กัมมัง วะทามิ)
เจตนาเป็นตัวกำหนดกรรม
ถ้าเรารักษาศีลเราไม่เกิดกรรมชั่ว ถ้าเราทำกรรมดีแล้วกรรมชั่วเข้ามาแทรกเราไม่ได้ เหมือนมีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกคนหนึ่งก็ไม่สามารถมานั่งได้ เพราะระหว่างเราทำดีกรรมดีก็อยู่ในใจ เราก็คิดดีทำดี พูดดี นี่คือกรรมดี คิดชั่วทำชั่วนี่คือกรรมชั่ว และแล้วอยากให้ญาติโยมทั้งหลาย หมั่นประพฤติดีไม่ประพฤติกรรมชั่ว ละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส

สพฺพปา ปสฺส อกรณํ (สัพพะปาปัสสะ อะกะระนัง) การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสลสฺสูปสมฺปทา (กุสะลัสสูปะสัมปะทา) การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สจิตฺตปริโยทปนํ (สะจิตตะปะริโยทะปะนัง) การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ
เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ (เอตัง พุทธานะ สาสะนัง) ธรรม 3 อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านสอนให้เราละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส ทุก ๆ พระองค์จะสอนอย่างนี้หมด ฉนั้นแล้วเราเกิดเป็นชาวพุทธ พยายามทำตนให้ดีรักษาตนให้ดี ละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องใส ยาดีคือยาป้องกันไม่ใช่ยารักษา ฉนั้นแล้วหน้าฝนยุงชุมก็ควรจะป้องกันตัว หายากันยุงมาทาบ้าง จุดไฟบ้าง จุดควันบ้างแต่ไม่ใช่ไปฆ่ามัน ป้องกันไม่ให้ยุงมากัดเรา จะถามว่าเอ้า ..ถ้ามันมากัดเราแล้วเราทำยังไง เราก็เป่ามันไม่ต้องไปฆ่ามัน ถ้ามันมากัดเราแล้วเราฆ่ามัน เราหายคันมั๊ย เราก็ยังคันอยู่เหมือนเดิมตัวมันก็ตาย แต่ถ้ามันกัดเราเราคันเราเป่ามันทิ้งซะ เลือดมันเต็มท้องมันก็บินไปแล้ว ส่วนเราจะคันมันจะตายเราก็คันมันไม่ตายเราก็คัน แล้วเราจะทำให้เรามีกรรมติดตัวไปถึงไหน จะทำให้บาปติดตัวเราไปทำไม ที่พูดท่านทั้งหลายลองไปพิจารณาดู จริงอยู่อาจจะเห็นยุงตัวนิดเดียวไม่เป็นไรของมากมันก็มาจากของน้อยนะโยมนะ ขโมยกว่าจะขโมยรถได้มันจะต้องเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อยมาก่อน ขโมยแฟ้ป ขโมยสบู่ ขโมยยาสีฟัน นาน ๆ เข้าของใหญ่ขึ้นก็ขโมยรถ เราไม่ควรสั่งสมอะไรที่มันไม่ดี ยังไงเราก็ควรรักษาความดีเราไว้
กลับบ้านเราไป ไปดูว่าบ้านเรามืดมั๊ย ผิดสังเกตมั๊ยยุงเยอะมั้ย ไปดูว่ามีน้ำขังมั๊ย อ่างน้ำมีมั๊ย กระป๋องน้ำมีมั๊ยดูว่ามีอะไรมีน้ำขัง เป็นไปได้ก็คือก่อนที่น้ำขังคว่ำไว้ก่อน แต่ถ้าน้ำขังแล้วอาตมาก็ขอให้อย่าไปเพิ่มน้ำแล้วกัน เราจะหาฝาไปปิดไว้ไม่ให้ยุงมันออกมาได้ ถ้ามันออกเป็นตัวแล้วแต่ถ้าไปเทน้ำทิ้งมันตายนะ อาบัติของพระรู้ว่าสัตว์มีชีวิต แกล้งทำชีวิตสัตว์ให้ตายต้องอาบัติปาจิตีย์ ถ้าในน้ำมีตัวยุง มีลูกน้ำ มีตัวโม่งอยู่ เราไปเทมันก็ตาย อย่าไปคิดว่ากรรมใดไม่มีผลนะ มันมีผลหมดนะโยม กรรมใดอันบุคคลทำแล้วย่อมไม่ไร้ผล ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (กัมมุนาวัตตะตีโลโก) สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราพยายามทำกรรมดีไว้ ถ้าไม่อยากทำให้ยุงตายเราก็ไม่ทำให้มันเกิด ถ้าเราไม่อยากฆ่ามันเราก็พยายามไม่ให้มีน้ำขัง มันเกิดขึ้นมากจำนวนมันก็เยอะโอกาสที่เราจะทำบาปมันก็เยอะ บางที่เราก็เผลอยุงมากัดเราก็ตี ตบ เราแก้ที่เราตัดที่ต้นเหตุซะ ดูที่บ้าน ดูที่ต้นไม้โปร่งมั๊ยภาขนะมีน้ำขังมั๊ย ดูตรงนี้แล้วเราก็มาแก้ไข
เยธัมมา เหตุป ปะภะวา เตสัง เหตุงตถาคโต เตสันจะโยนิโรโธจะ เอวังวาที มหาสะมะโนธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและตรัสซึ่งความดับด้วย พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้ ฉนั้นแล้วก็อยากให้ทุกคนตัดที่ต้นเหตุ ดูพิจารณาดูดูจิตดูใจตัวเอง เราเป็นอย่างนี้เรายังด่าเค้ามั๊ยหนอ เรายังว่าเขามั๊ยหนอ เรายังทุบกีเค้าอยู่มั๊ยหนอ ดูซิมันเกิดที่ใจเราหรือเกิดที่ตัวเขา ใจเราไปโกรธเขา ไปทุบตีเขาไปด่าเขาไปว่าเขา แต่ถ้าใจเรารักเขาเราอยากจะอยู่ใกล้เขา อยากเห็นหน้าเค้า เนี่ยอยู่ที่ใจเรานะ ดูที่จิตดูใจเราเอง ถ้ามีปัญหาอะไรไม่เข้าใจก็ถามพระ ปํญหาธรรมะทางไหนก็ถามได้ อยากให้ญาติโยมตั้งใจถือศีลปฏิบัติธรรมนะ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น